คำอธิบาย
ลักษณะและคุณสมบัติของผักเชียงดา
ชื่อวิทยาศาสตร์: Gymnema inodorum
ชื่ออื่น: ผักเซียงดา, ผักจินดา
ผักเชียงดาเป็นพืชล้มลุกที่มีลำต้นเป็นเถาเลื้อย ใบมีลักษณะรูปไข่ สีเขียวเข้ม เนื้อใบค่อนข้างหนา รสชาติขมเล็กน้อยแต่เป็นที่นิยมในหมู่คนรักสุขภาพ เนื่องจากมีสรรพคุณทางสมุนไพรที่หลากหลาย ผักเชียงดามีสารสำคัญอย่างกรดจิมเนมิกที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต และลดระดับไขมันในเลือดได้
ประโยชน์ของผักเชียงดา
- ลดระดับน้ำตาลในเลือด: สารกรดจิมเนมิกในผักเชียงดาช่วยยับยั้งการดูดซึมน้ำตาลในลำไส้ ลดระดับน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
- ลดความดันโลหิต: ผักเชียงดาช่วยขยายหลอดเลือดและลดความดันโลหิตสูง ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น
- ลดระดับไขมันในเลือด: ผักเชียงดาช่วยลดระดับไขมันเลว (LDL) และเพิ่มระดับไขมันดี (HDL) ช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
- สมุนไพรต้านอนุมูลอิสระ: ผักเชียงดามีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคเรื้อรังและชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์
การใช้ประโยชน์ของผักเชียงดาในครัวเรือน
ผักเชียงดาสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น
- แกงใส่ปลาย่าง: เมนูพื้นบ้านที่อร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
- ผัดเชียงดาผัดไข่: เมนูง่ายๆ ที่ให้รสชาติอร่อยและคุณค่าทางโภชนาการ
- ชาสมุนไพร: ใบผักเชียงดาแห้งสามารถนำมาชงเป็นชาสมุนไพรที่ช่วยบำรุงสุขภาพได้
การปลูกผักเชียงดา
ผักเชียงดาเป็นพืชที่ปลูกง่ายและดูแลง่าย สามารถปลูกได้ในดินทุกประเภท แต่ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์และระบายน้ำได้ดีจะช่วยให้ผักเชียงดาเจริญเติบโตได้ดีขึ้น การปลูกผักเชียงดาสามารถทำได้โดยการปลูกลงในแปลงหรือกระถาง โดยควรปลูกในที่ที่ได้รับแสงแดดรำไรหรือแดดเต็มวัน
- การเตรียมดิน: ควรใช้ดินร่วนที่มีการระบายน้ำดี ผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงในดินก่อนปลูก
- การปลูก: ปลูกต้นกล้าผักเชียงดาลงในหลุมปลูกที่เตรียมไว้ กลบดินให้แน่นพอสมควร
- การดูแล: รดน้ำให้ชุ่มอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรให้ดินแฉะเกินไป ควรใส่ปุ๋ยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อให้ต้นผักเชียงดาเจริญเติบโตแข็งแรง
การขยายพันธุ์
ผักเชียงดาสามารถขยายพันธุ์ได้โดยการปักชำหรือการใช้เมล็ด วิธีการที่นิยมคือการปักชำ เนื่องจากมีอัตราการงอกสูงและเจริญเติบโตเร็ว
การสร้างรายได้จากผักเชียงดา
การปลูกผักเชียงดาไม่เพียงแต่ให้ประโยชน์ในด้านสุขภาพ แต่ยังสามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ปลูกได้อีกด้วย ต้นกล้าผักเชียงดาสามารถขายเป็นสมุนไพรสดหรือแห้ง และยังสามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรต่างๆ เช่น ชา สมุนไพร หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
การวิจัยและสรรพคุณทางเภสัชศาสตร์
ผลงานวิจัยจากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พบว่า ผักเชียงดาอุดมไปด้วยกรดจิมเนมิก สารเบต้าแคโรทีน และวิตามินเอ ช่วยลดปริมาณน้ำตาลในเลือด บำบัดโรคเบาหวาน บำรุงสายตา แก้ไอ และขับเสมหะได้ดี การบริโภคใบอ่อนโดยไม่ผ่านความร้อนจะได้ปริมาณสารสำคัญสูงที่สุด
โรคเบาหวานพบมากในคนไทย โดยเฉพาะในภาคอีสานที่มีพฤติกรรมการกินข้าวเหนียว ทำให้มีการใช้ผักเชียงดาเป็นยารักษาโรคเบาหวานอย่างแพร่หลาย ผักเชียงดามีชื่อเรียกแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค เช่น เชียงดาในภาคเหนือและผักฮ้วนหมูในภาคอีสาน และยังพบได้ในหลายประเทศ เช่น อินเดีย ศรีลังกา มาเลเซีย เวียดนาม จีน ญี่ปุ่น และแอฟริกา
สรรพคุณทางสมุนไพรของผักเชียงดา
- มีสรรพคุณคล้ายฟ้าทะลายโจร ช่วยแก้ไข้ แก้แพ้ และรักษาอาการทางจิต
- รักษาโรคท้องผูกโดยการแกงร่วมกับผักตำลึงและยอดชะอม
- แก้ไข้ แก้หวัด ใช้ใบสดตำละเอียดพอกกระหม่อมเด็ก
- บำรุงตับอ่อน รักษาเบาหวาน ลดน้ำตาลในเลือด
- ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง
- ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง แก้อาการปวดเมื่อย ช่วยเจริญอาหาร ชำระล้างสารพิษตกค้างในร่างกาย
- ช่วยฟื้นฟูตับอ่อน บำรุงหมวกไตและไตให้สมบูรณ์
- ใบสดใช้ตำพอกฝีหรือหัวลำมะลอก งูสวัด เริม ถอนพิษ แก้ปวดแสบปวดร้อน
- บรรเทาอาการปวดข้อจากโรคเก๊าท์
คุณค่าทางโภชนาการของผักเชียงดา (ต่อ 100 กรัม)
- พลังงาน: 60 แคลอรี่
- โปรตีน: 5.4 กรัม
- ไขมัน: 1.5 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต: 6.2 กรัม
- ใยอาหาร: 2.5 กรัม
- วิตามินเอ: 5,905 หน่วยสากล
- วิตามินซี: 153 มิลลิกรัม
- แคลเซียม: 78 มิลลิกรัม
- ธาตุเหล็ก: 2.3 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส: 98 มิลลิกรัม
ผักเชียงดาเป็นพืชสมุนไพรที่มีคุณค่าทางอาหารและมีสรรพคุณทางยามากมาย มีการปลูกและบริโภคอย่างแพร่หลายในหลายประเทศ สามารถใช้เป็นทั้งยารักษาโรคและอาหารเพื่อสุขภาพ และยังมีศักยภาพในการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรที่ปลูกผักเชียงดาเป็นการค้าได้อีกด้วย
เทพ
อร่อยดีมีประโยชน์ ปลูกแล้วเก็บกินได้ตลอดทั้งปี