ชวนส่องต้นไม้ในเอ็มวีล่าสุด ของ ลิซ่า BLACKPINK กับเอ็มวีโซโล่แรก ‘LALISA’

ชวนส่องต้นไม้ในเอ็มวีล่าสุด ของ ลิซ่า BLACKPINK กับเอ็มวีโซโล่แรก ‘LALISA’

ต้องยอม ความต๊าชชช!!! แม้แต่กระแสต้นไม้ก้อยังมา หลังการปล่อยเอ็มวีซิงเกิ้ลเพลง ‘LALISA’ ช่วง 11.00 น. วันนี้ ( 10 กันยายน) ตามเวลาไทย ที่ผ่านมา ได้ยอมวิวสูงถึง 70 กว่าล้านวิว ภายใน 24 ชม. เท่านั้น พร้อมกับกระแสดราม่า มากมาย ไม่ว่าจะเป็นความปังของศิลปะร่วมสมัย ชุดควีนนางชฎาห่มสไปเฉียง ตัดเย็บจาก ผ้าไหมยกดอก ออกแบบโดย พี่หมูอาซาว่า กับฉาก ปราสาทหินพนมรุ้ง บุรีรัมย์ และฉากอื่นๆ ที่ว้าวมากๆ กันเลยทีเดียว

ชาวบ้านเกษตรเตรียมเฮ พันธ์ุต้นไม้ในเอ็มวีโซโล่แรก ‘LALISA’ กำลังจะฮิตติดลมบน เตรียมมาส่องกันได้เลย ว่ามีต้นอะไรกันกันบ้าง เดี๋ยวจะเพาะพันธ์ุไม่ทันนะ

ต้นไม้ในเอ็มวีล่าสุด ของ ลิซ่า BLACKPINK กับเอ็มวีโซโล่แรก ‘LALISA’
ต้นไม้ในเอ็มวีล่าสุด ของ ลิซ่า BLACKPINK กับเอ็มวีโซโล่แรก ‘LALISA’
ต้นไม้ในเอ็มวีล่าสุด ของ ลิซ่า BLACKPINK กับเอ็มวีโซโล่แรก ‘LALISA’
ต้นไม้ในเอ็มวีล่าสุด ของ ลิซ่า BLACKPINK กับเอ็มวีโซโล่แรก ‘LALISA’

มะพร้าว : มะพร้าวนับเป็นพืชที่อยู่กับสังคมไทยมาตั้งแต่โบราณแล้ว ดังนั้นจึงมีการนำมะพร้าวมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันหลายๆด้านด้วยกัน เช่น ใช้เป็นอาหาร ขนมหวาน เป็นน้ำผลไม้สำหรับดื่ม นำไปประดิษฐ์สิ่งต่างๆ และมีสรรพคุณทางยาตามตำราไทย สำหรับสายพันธ์มะพร้าวไทย นั้นมีทั้งพันธุ์ต้นสูงและพันธุ์ต้นเตี้ย โดยเฉพาะในภาคใต้จะพบมากกว่าภาคอื่นๆ เช่น ใน จังหวัดชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช เป็นต้น

ปาล์มสิบสองปันนา
ปาล์มสิบสองปันนา

ปาล์มสิบสองปันนา: ปาล์มสิบสองปันนาเป็นพรรณไม้ตระกูลปาล์มมีลำต้นเดี่ยว สูงประมาณ 1.5-2 เมตร ส่วนยอดของลำต้นมีกาบใบแตกออกมา ใบสีเขียวเข้ม มีลักษณะเป็นรูปขนนกแผ่โค้งออกรอบต้น ทำให้ดูสวยงาม โดยเมื่อปลูกเดี่ยวปล่อยให้มีพื้นที่ว่างรอบๆ ต้น ปาล์มสิบสองปันนาจะแผ่กิ่งก้านใบออกอย่างเสรีดูสวยและสง่างาม ปาล์มสิบสองปันนาเป็นไม้กลางแจ้งที่ทนต่อแสงแดดได้ตลอดวัน ต้องการน้ำและความชื้นในระดับปานกลาง แต่ก็สามารถเจริญเติบโตได้แม้มีแสงแดดน้อยและน้ำน้อย จึงสามารถนำมาปลูกเป็นไม้ประดับภายในอาคารได้ ปาล์มสิบสองปันนาเหมือนกับปาล์มชนิดอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติในการดูดสารพิษในอากาศภายในอาคารได้ดีเยี่ยมโดยเฉพาะสารไซรีน และมีการคายความชื้นที่ดี จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะนำมาปลูกเป็นไม้ประดับภายในอาคารสำนักงาน

มะละกอ
มะละกอ

ะละกอ : ผลไม้คู่ครัวไทย มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลาง ถูกนำเข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ผลดิบมีสีเขียว เมื่อสุกแล้วเนื้อในจะมีสีเหลืองถึงส้ม นิยมนำมารับประทานทั้งสดและนำไปปรุงอาหารยอมนิยม เช่น ส้มตำ ฯลฯ หรือนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ก็ได้

เฟิร์นข้าหลวง
เฟิร์นข้าหลวง

เฟิร์นข้าหลวง : ลักษณะใบเฟิร์นวงรียาวสีเขียวอ่อนไปจนถึงเขียวแก่ ขอบใบเป็นหยักคล้ายคลื่นน้ำ วางเรียงซ้อนกันเป็นพุ่มสวย โดยส่วนใบอ่อนที่เพิ่งงอกออกมาจะมีลักษณะเปราะบางหักง่าย แต่เมื่อโตเต็มที่แล้วตัวใบจะมีความเหนียว แข็งแรงและไม่เหี่ยวง่าย จัดเป็นเฟิร์นประเภทอิงอาศัยต้นไม้หรือหินผาในลักษณะต้นกาฝาก ตามหลักความเชื่อของคนไทย เฟิร์นข้าหลวง หรือ เฟิร์นข้าหลวงหลังลาย เป็นไม้มงคลอีกชนิดหนึ่งที่คนไทยนิยมนำมาปลูกไว้ในบ้าน สำนักงาน หรือคอนโด โดยเชื่อว่าเฟิร์นชนิดนี้ช่วยเสริมสร้างเกียรติยศ ความภูมิฐาน และเป็นตัวแทนของความซื่อสัตย์ ยุติธรรม คนสมัยก่อนใช้ต้นไม้ชนิดนี้สอนลูกสอนหลานในครัวเรือน เป็นการย้ำเตือนว่าแม้ตัวจะเป็นถึงข้าหลวงก็มีสิทธิถูกลงโทษหลังลายได้หากทำผิด นับว่าเป็นกุศโลบายในการเตือนสติผู้คนให้อยู่ในร่องรอยแห่งคุณงามความดี

หมากเหลือง
หมากเหลือง

มากเหลือง : หมากเหลือง เป็นไม้ยืนต้นที่มีทรงพุ่มสวยงาม ทางใบยาว โค้งย้อยลงดิน แผ่นใบสีเหลืองอมเขียว นิยมปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับสวน ปลูกเพื่อตกแต่งเป็นสวนหย่อม หรือปลูกลงในกระถางแล้วนำไปจัดวางตกแต่งภายในและภายนอกอาคาร ประโยชน์ที่ได้รับจากการปลูกหมากเหลืองคือ เป็นการเสริมสร้างภูมิทัศน์ ให้ความร่มรื่น กรองฝุ่น พรางแสง ดูดซับเสียงหรือช่วยดูดสารพิษจากอากาศที่ส่งผลดีให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง

บีโกเนีย
บีโกเนีย

บีโกเนีย : Begonia อ่านว่า เบ็กโกเนีย แต่ คนไทยเรียกไม้ดอกชนิดนี้ว่า บีโกเนีย มีถิ่นกำเนิดใน เอเชีย และ อเมริกา มีทั้งชนิดที่ใช้ดอกตกแต่ง และใช้ใบตกแต่ง แต่ ที่นิยมปลูกทุกวันนี้ เพื่อความสวยงามของดอกเป็นส่วนใหญ่ บีโกเนียนั้นต้นมีขนาดเล็กเหมาะสำหรับปลูกเป็นพืชคลุมดิน เป็นไม้กระถาง หรือ ไม้ในภาชนะแขวนก็ได้

ปรงญี่ปุ่น
ปรงญี่ปุ่น

รงญี่ปุ่น : ถิ่นกำเนิด ประเทศญี่ปุ่นตอนใต้ นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ใบของปรงมีขนาดเล็กคล้ายกับใบของปาล์ม ใบโค้งลงยาว 60-80 เซนติเมตร ใบเป็นขนนกและมีใบย่อยออกจากสองข้างเป็นจำนวนมาก ใบย่อยแคบแข็งปลายแหลม สีเขียวเข้มเป็นมันการเรียงตัวของใบอยู่รอบๆ ศูนย์กลางของลำตัว ปรงเป็นพืชที่เลี้ยงง่าย เจริญเติบโตช้ามาก คือ 1 ปีจะเกิดใบเพียงแค่ใบเดียวเท่านั้น ปรงสามารถทนต่อการขาดน้ำได้เป็นอย่างดีและถ้าขาดน้ำนาน ๆ ใบของปรงจะแห้งเหี่ยวตายไปแต่พอได้รับน้ำอีกครั้งใบก็จะเกิดขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง ชอบแสงแดดจัด ต้องการน้ำพอประมาณ ปลูกได้ในดินแทบทุกชนิดแต่จะเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทราย บำรุงใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักบริเวณโคนต้น ปีละ 2 ครั้ง

พุทธรักษาแคระ
พุทธรักษาแคระ

พุทธรักษาแคระ : พุทธรักษาเป็นดอกไม้มงคลที่มีชื่อที่ไพเราะและมีความหมาย เพราะคำว่า “พุทธรักษา” เป็นคำมงคล หมายถึงพระพุทธเจ้าทรงปกป้องคุ้มครอง พุทธรักษาแคระนั้นมีความสูงของต้นลดลงจากเดิมอย่างมาก โดยมีความสูงของต้นไม่เกิน 50 เซนติเมตร ส่วนในเรื่องของสีดอกจะมีเฉดสีหลัก ๆ อยู่ 4 สีได้แก่ เหลือง แดง ชมพู และส้ม ซึ่งแต่ละสีก็จะไล่เฉดตั้งแต่สีอ่อนไปจนถึงสีเข้ม ฉะนั้นในเรื่องของสีดอกจึงมีให้ลูกค้าเลือกอย่างหลากหลายมากถึง 20 เฉดสีทีเดียว จุดเด่นของพุทธรักษาแคระก็คือ ต้นเตี้ย ดอกสวย หยิบยกง่าย และไม่รกรุงรังเหมือนกับพุทธรักษาต้นใหญ่ ๆ ที่พบเห็นได้ตามสองข้างทาง พุทธรักษาแคระสามารถอยู่ในกระเช้า และสามารถจัดตกแต่งสถานที่ต่าง ๆ ได้โดยไม่เทอะทะ

เฟื่องฟ้า
เฟื่องฟ้า

เฟื่องฟ้า : เป็นไม้ยืนต้นประเภทพุ่มกึ่งเลื้อย ขนาดตั้งแต่พุ่มเล็กถึงพุ่มใหญ่ มีใบประดับคล้ายรูปหัวใจ คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นเฟื่องฟ้าไว้ประจำบ้าน สามารถสร้างคุณค่าของชีวิตให้สูงขึ้น เพราะเฟื่องฟ้าเป็นพรรณไม้ ที่ได้รับสมญาว่าเป็นราชินีแห่งไม้ประดับเนื่องจากสามารถนำเฟื่องฟ้าไปใช้ประโยชน์ในด้านสุนทรียภาพเพื่อประดับสวนอาคาร บ้านเรือนและสถานที่สำคัญต่างๆนอกจากนี้คนไทยโบราณยังมีความเชื่ออีกว่าเฟื่องฟ้าเป็นไม้มงคลทำสำคัญของเทศกาลตรุษจีน เพราะต้นเฟื่องฟ้าสามารถออกดอกสะพรั่งในช่วงเทศกาลตรุษจีนจึงทำให้บางคนเรียกต้นเฟื่องว่าว่าต้นตรุษจีนดังนั้นบางคนเชื่อว่า เมื่อช่วงดอกเฟื่องฟ้าบานแสดงถึง ความเบิกบาน สว่างไสว ความรุ่งเรือง ที่ก้าวไกลแห่งชีวิต ตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูก เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นเฟื่องฟ้า ไว้ทางทิศตะวันออก ผู้ปลูกควรปลูกในวันพุธ เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เพื่อเอาประโยชน์ทั่วไปทางด้าน ให้ปลูกในวันพุธ และถ้าจะให้เป็นสิริมงคลยิ่งขึ้น ผู้ปลูกควรเป็นสตรี เพราะเฟื่องฟ้าเป็นราชินีแห่งไม้ประดับ ดังนั้นชื่อจึงเหมาะสมอย่างยิ่งกับสุภาพสตรี

คล้าขุนแผน
คล้าขุนแผน

คล้าขุนแผน : คล้าขุนแผน เป็นไม้มงคลมีความหมาย ความเชื่อทางด้านเมตตามหานิยม เรียกทรัพย์ช่วยเรื่องค้าขาย ใบมีเส้นลายสวยงาม เหมาะกับปลูกในที่มีแสงแดดน้อยหรือปลูกภายในบ้าน ริมระเบียงหรือหน้าต่าง มีประโยชน์ช่วยฟอกอากาศได้ดี ลวดลายของคล้าขุนแผน มีความสวยงามข้างหลังของใบจะมีสีม่วงเข้มอมดำ เพราะคล้าขุนแผน อยู่ในป่าดิบชื้น ทำให้หลักการสังเคราะห์แสงของคล้าขุนแผนจึงต้องทำให้ด้านล่างใบเป็นสีเข้มเพื่อจะได้ดูดแสงจากพระอาทิตย์มาให้โดนใบบ้าง หน้าใบเป็นเส้นๆสีชมพูอมขาว เหมือนเอาพู่กันขีดๆ มองไกลๆ นึกว่าใบไม้พลาสติก ซึ่ง คล้า หรือ Calathea ส่วนใหญ่ ด้านหลังใบจะมีสีม่วงอมดำ นั่นก็เพื่อให้มันสามารถดูดแสงมาให้ใบของมันได้นั่นเอง

บอสตั้นไอวี่
บอสตั้นไอวี่

บอสตั้นไอวี่ : บอสตัน ไอวี่ (Parthenocissus tricuspidata) หรือตีนตุ๊กแกฝรั่ง เป็นไม้เลื้อย นิยมปลูกเพื่อเกาะตามกำแพง เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดูมีเสน่ห์แบบยุโรปยุคกลาง ที่มักจะพบเถาไอวี่ขึ้นตาม กำแพง และตัวปราสาท เถาไอวี่นั้นมีความยาวไม่จำกัด เรียกได้ว่าโตไปได้เรื่อยๆ จะค่อยๆเปลี่ยนสีใบจากสีเขียวไปจนถึงสีแดง ช่วยสร้างความโดดเด่นเป็นจุดนำสายตาในสวน หรือปลูกเลื้อยเกาะกำแพงก็สวยงาม

เฟิร์นสไบนาง
เฟิร์นสไบนาง

เฟิร์นสไบนาง : “เฟิร์นสไบนาง” ถือว่าเฟินดิน ลำต้นเป็นเหง้าสั้น ตั้งตรงหรือเอน มีเกล็ดหรือขนสีน้ำตาลปกคลุม รากเป็นเส้นยาว ทอดเลื้อยไปตามผิวดิน ใบประกอบแบบขนนกยาวได้ถึง 3 เมตร เรียงเวียนสลับ ใบย่อยรูปแถบ มีจำนวนมากถึง 100 คู่ ปลายใบเรียวมนถึงแหลม โคนป้าน ขอบจักฟันเลื่อยตื้น ก้านเรียวเล็ก ดูอ่อนช้อยมากกว่าเฟินใบมะขาม สวยงาม พริ้ว ยิ่งตอนที่รดน้ำให้เป็นละอองฝอย เกาะอยู่ตามใบ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และสดชื่นมาก เห็นได้มากตามร้านกาแฟ

ต้นกล้วย
ต้นกล้วย

กล้วย : กล้วย (Banana) ที่นิยมรับประทานกันในบ้านเรานั้นมีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ เช่น กล้วยหอม กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ กล้วยหักมุก เป็นต้น แต่สำหรับต่างชาติแล้วกล้วยที่นิยมมากที่สุดคงหนีไม่พ้นกล้วยหอม เนื่องจากกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ ถ้าพูดถึงเรื่องประโยชน์แล้วมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งระบุชัดเจนว่าการรับประทานกล้วยแค่ 2 ลูกจะช่วยเพิ่มพลังงานในร่างกายได้เทียบเท่ากับการออกกำลังกายถึง 90 นาทีเลยทีเดียว ! เพราะกล้วยอุดมไปด้วยน้ำตาลจากธรรมชาติรวมถึง 3 ชนิดเลย นั่นก็คือ ซูโครส กลูโคส และฟรุกโทส ซึ่งช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกายนั่นเอง