ลิ้นมังกร

ลิ้นมังกร

80฿

ลิ้นมังกร (Variegated Snake Plant)
ลิ้นมังกร เป็นพืชที่สามารถปลูกได้ทุกที่ ดูแลรักษาง่าย ใบมีรูปร่างแบนกว้างปลายแหลม ใบมีลวดลายสลับสีเขียวเข้มอ่อน ขอบใบมีสีเหลืองหรือขาว ดอกมีกลิ่นหอม สีเขียวอ่อน สามารถปลูกในบ้านได้ แต่ถ้าปลูกนอกบ้านก้านดอกจะยาวกว่าปลูกในบ้าน ต้นลิ้นมังกรแคระมีขนาดเล็กกะทัดรัดสามารถปลูกในกระถางเล็ก ๆ นิยมประดับตามโต๊ะอาหาร

วิธีการสั่งซื้อ

ติดต่อมาทางเฟสบุ๊คแฟนเพจ Chiangmaigardens หรือโทร 0850356187 หรือแอดไลน์ไอดี @0850356187

ราคาขายตามขนาดต้นไม้ รูปภาพเป็นรูปตัวอย่าง สินค้ามีเข้าและออกตลอดเวลา กรุณาสอบถามก่อนนะคะ แม่ค้าจะได้คำนวณค่าจัดส่งให้ตามขนาด ปริมาตร และจำนวนที่สั่งซื้อค่ะ ขอบคุณมากค่ะ แต่ตอนจัดส่งจะลงถุงดำนะคะ เนื่องจากข้อจำกัดในการจัดส่ง บางครั้งมันเข้ากล่องไม่ได้ค่ะ เพื่อเป็นการลดภาระลูกค้าในการจัดส่งค่ะ

รายละเอียดเพิ่มเติม

ลิ้นมังกร จัดเป็นไม้ใบประดับ และไม้มงคล ที่นิยมเพื่อการประดับใบ เนื่องจาก ใบมีลักษณะเรียวยาวคล้ายหอก มีทั้งใบสั้น และใบยาว ใบมีจุดด่างของหลายสีอาทิ สีเขียวเข้ม สีเขียวอ่อน สีเขียวอมเทา และสีเหลือง ทำให้แลดูสวยงาม และเป็นที่แปลกตาเมื่อพบเห็น

ต้นลิ้นมังกร เป็นชื่อเรียกของพืชใบเลี้ยงเดี่ยวในกลุ่มของลิ้นมังกรซึ่งมีหลายชนิด แต่จะมีลักษณะเด่นที่ใบเรียวยาวคล้ายหอก ทั้งชนิดเรียวยาวมาก ยาวปานกลาง และสั้น ส่วนปลายใบมีทั้งชนิดที่ปลายใบแหลม และมีหนาม ปลายใบแหลมแต่ไม่มีหนาม และปลายใบมน นอกจากนั้น ลิ้นมังกรยังถูกนำไปเรียกพืชที่มีลักษณะใบคล้ายกัน แต่จัดอยู่ในกลุ่มของกล้วยไม้ เช่น ลิ้นมังกรใบจุด เป็นต้น รวมถึงใช้เรียกพืชบางชนิดที่จัดอยู่ในกลุ่มของกระบองเพชร

ในทีนี้จะขอกล่าวถึงต้นลิ้นมังกร หรือบางชนิดเรียก ว่านลิ้นมังกร ที่พบเห็นปลูกกันมาก ซึ่งมีหลายชนิดที่มีรูปทรง และลักษณะของใบแตกต่างกัน ทั้งมีเป็นชนิดพื้นเมืองของไทย และชนิดที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ

ลิ้นมังกรเป็นพืชที่มีลักษณะโดดเด่นที่ใบสวยงามแปลกตา ปลูกได้ทั้งภายนอกอาคาร และปลูกลงในกระถางเพื่อประดับภายในอาคารและบ้านเรือน ถึงแม้จะเป็นพืชที่โตช้าแต่ก็ปลูกง่ายและทนทาน

ลิ้นมังกรนั้นมีหลายชนิด เช่น ลิ้นมังกรสั้น ลิ้นมังกรยาว ลิ้นมังกรลาย หรือเรียกว่าหอกพระอินทร์ ลิ้นมังกรมีลำต้นเป็นหัวหรือเหง้าอยู่ใต้ดิน ใบโผล่พ้นดินเป็นใบยาวแหลมคล้ายหอกแข็งตั้งตรงสูงประมาณ 1 เมตร ใบสีเขียว มีลายตามแนวขวาง ลิ้นมังกรยาวจะมีสีเหลืองบริเวณขอบใบเป็นแนวยาว ดอกมีสีขาวอมเขียว

ถึงแม้คุณสมบัติในการดูดสารพิษของลิ้นมังกรจะไม่มากนัก แต่คุณสมบัติเด่นของลิ้นมังกรอยู่ที่เป็นพืชที่คายออกซิเจนออกมาตอนกลางคืนและดูดคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป จึงเหมาะที่จะปลูกไว้ในห้องนอน

ลิ้นมังกรเป็นไม้ฟอกอากาศ 1 ใน 50 ตัว ที่อาจารย์ Wolverton ได้ทำงานในโครงการไม้ฟอกอากาศของ NASA และสามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ตอนกลางคืน (เป็นกลุ่ม CAM Plant ปากใบจะเปิดตอนกลางคืน) จึงเป็นไม้น่าสนใจตัวนึงสำหรับเลี้ยงไว้ในบ้าน

ชื่อวิทยาศาสตร์ Sansevieria
วงศ์ AGAVACEAE
ลักษณะทั่วไป ลักษณะทั่วไป ลิ้นมังกรเป็นพรรณไม้ ที่มีลำต้นเป็นหัว หรือเหง้าอยู่ในดิน ลักษณะลำต้นเป็นข้อ ๆ ใบเกิดจากหัวที่โผล่ออมาพ้นดินเป็นกอ ลักษณะใบยาวปลายแหลม แข็งเป็นมัน ขอบใบเรียบ โค้งงอเล็กน้อย ขอบใบมีสีเหลืองกลางใบสีเขียวอ่อน ประด้วยเส้นสีเขียวเข้ม ขนาดของใบกว้างปรมาณ 4-7 เซนติเมตร ยาวประมาณ 30-50 เซนติเมตร ก้านดอกประกอบด้วยกลุ่มดอกป็นชั้น ๆ ลักษณะดอกมีขนาดเล็ก ออเรียงกันเป็นแนวตามชั้นของก้านดอกดอกมีสีขาวมีกลีบประมาณ 5 กลีบ นาดดอกบานเต็มที่ 2 เซนติเมตร ลักษณะขนาดใบ และสีสรร จะแตกต่างกันไปตามชนิดพันธุ์
การเป็นมงคล คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นลิ้นมังกรไว้ประจำบ้าน จะช่วยป้องกันอันตรายจากภายนอกได้ เพราะลิ้นมังกร บางคนเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าหอกพระอินทร์ ซึ่งเป็นอาวุธชนิดหนึ่งของพระอินทร์ ที่ใช้ในการต่อสู้และปกป้องศัตรูจากภายนอก ดังนั้นลิ้นมังกรจึงเป็นไม้ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นไม้ที่มีความสำคัญของพระอินทร์ในสมัยพุทธกาล ตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูก เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นลิ้นมังกรไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ผู้ปลูกควรปลูกในวันอังคาร เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เอาประโยชน์ทั่วไปทางใบให้ปลูกในวันอังคาร
การปลูก มี 2 วิธี
1.การปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวนนิยมปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวนแต่คนโบราณนิยมปลูกเป็นแนวรั้วบ้าน ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 x 30 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน : อัตรา 1 : 1 ผสมดินปลูก
2 การปลูกในกระถางเพื่อประดับภายในและภายนอกอาคาร ควรใช้กระถางทรงสูง ขนาด 10-15 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอก หรือ ปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตรา : 1 : 1 ผสมดินปลูก และควรเปลี่ยนกระถางทุก 1-2 ปี เพราะเนื่องจากการขยายตัวของรากและหน่อแน่นเกินไป และเพื่อเปลี่ยนดินปลูกใหม่แทนดินปลูกเดิมที่เสื่อมสภาพไป
ถิ่นกำเนิด อาฟริกันและอินเดีย
แสงแดด กึ่งแดด
อุณหภูมิ 18-27 องศาเซลเซียส
ความชื้น ต้องการความชื้นปานกลาง
น้ำ ต้องการน้ำปานกลาง
การดูแล ต้องการแสงพอสมควร ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง เป็นพืชที่ปลูกง่าย ทนทาน แม้มีแสงน้อย และขาดน้ำเป็นเวลาหลายวัน ไม่ค่อยพบโรคและแมลงรบกวน ใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกละลายน้ำรดเดือนละครั้ง เปลี่ยนกระถางปีละครั้ง
การขยายพันธุ์ โดยการตอนกิ่งหรือปักชำ
อัตราการคายความชื้น น้อย
อัตราการดูดสารพิษ น้อย

รีวิว

ยังไม่มีบทวิจารณ์

เฉพาะลูกค้าที่เข้าสู่ระบบ และเคยซื้อสินค้าชิ้นนี้แล้วเท่านั้น ที่เขียนบทวิจารณ์ได้